ศาสตราจารย์ ดร. รื่นฤทัย สัจจุพันธุ์

ศาสตราจารย์ ดร. รื่นฤทัย สัจจุพันธุ์ เรื่อง สังข์ทอง

ประวัติผู้แต่ง

ศาสตราจารย์ ดร. รื่นฤทัย สัจจพันธุ์ เป็นคนกรุงเทพฯ สําเร็จการศึกษาอักษรศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทยและภาษาฝรั่งเศส จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี ๒๕๑๔ สําเร็จการศึกษา
อักษรศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย จากสถาบันเดิม เมื่อปี ๒๕๑๖ ได้เข้าศึกษาจนสําเร็จหลักสูตร
อักษรศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งแต่ปี ๒๕๑๙ ปัจจุบันดํารงตําแหน่ง
ศาสตราจารย์ระดับ ๑๐ ภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคําแหง มี
ผลงานความเรียงและบทความวิชาการตลอดจนตําราด้านวรรณกรรมมากมาย รวมทั้งเป็นกรรมการตัดสินการ
ประกวดรางวัลทางวรรณกรรมขององค์กรภาครัฐและเอกชนหลายชุดในหลายวาระ นอกจากนี้ยังจัดทํารายการ
“แวดวงวรรณกรรม” ซึ่งเป็นรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษาของมหาวิทยาลัยรามคําแหง ออกอากาศทาง
สถานีโทรทัศน์ช่อง ๑๑ ตั้งแต่ปี ๒๕๓๑ ถึงปัจจุบัน
ผลงานที่ผ่านมา :
๑. “วรรณกรรมปัจจุบัน” มหาวิทยาลัยรามคําแหง
๒. “วรรณคดีเปรียบเทียบ : วรรณคดีอินเดีย” มหาวิทยาลัยรามคําแหง
๓. “อิทธิพลวรรณกรรมต่างประเทศที่มีต่อวรรณกรรมไทย” มหาวิทยาลัยรามคําแหง
๔. “ความรู้ทางภาษาและวรรณคดีไทย” : ‘ภาควรรณคดีไทย’ มหาวทยาลัยรามคําแหง
๕. “ภาษาไทย ๒ : หน่วยที่ ๙ การประพันธ์รูปแบบใหม่ หน่วยที่ ๑๐ การประพันธ์นานาชาติ”
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
๖. “ภาษาไทย ๔ : หน่วยที่ ๑๓ อิทธิพลต่างประเทศในวรรณคดีไทย หน่วยที่ ๑๕ วรรณคดีเปรียบเทียบ”
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
๗. “พัฒนาการวรรณคดีไทย : หน่วยที่ ๖ วรรณคดีสมัยรัตนโกสินทร์ พ.ศ. ๒๔๗๕ – ๒๕๑๖”
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
๘. “แนวคิดไทย : หน่วยที่ ๗ ชายกับหญิง ตอน ทัศนะว่าด้วยชายกับหญิงในสังคมปัจจุบัน”
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
๙. “ทอไหมในสายน้ํา : วรรคดีวิจารณ์ไทย พ.ศ. ๒๔๕๓ – ๒๕๐๐” สํานักพิมพ์ประพันธ์สาส์น

เนื้อเรื่อง สังข์ทอง

นิทาน สังข์ทอง

กาลปางก่อนมีพระเจ้าพรหมทัต (ท้าวยศวิมล) ครองเมืองพรหมนคร(เมืองยศวิมล) พระเจ้าพรหมทัตมี
มเหสีสององค์ มเหสีฝ่ายขวาชื่อพระนางจันทราเทวี (นางจันเทวี) มเหสีฝ่ายซ้ายชื่อพระนางสุวรรณจัมปากะ
(นางจันทา) พระเจ้าพรหมทัตโปรดมเหสีฝ่ายซ้ายมาก ต่อมามเหสีทั้งสองทรงครรภ์ โหรทํานายว่าบุตรของ
มเหสีฝ่ายขวาเป็นชาย ส่วนมเหสีฝ่ายซ้ายเป็นหญิง พระนางสุวรรณจัมปากะรู้สึกเสียใจที่จะได้ธิดาแทนจะเป็น
โอรสและเกรงว่าพระนางจันทราเทวีจะได้ดีกว่า จึงใส่ร้ายพระนางจันทราเทวีจนพระเจ้าพรหมทัตหลงเชื่อขับ
ไล่พระนางจันทราเทเวีออกจากพระราชวัง พระนางจันทราเทวีเดินทางด้วยความยากลําบาก เมื่อถึงชายป่า
นอกเมือง ยายตาสองคนสงสาร จึงชวนให้พักอยู่ด้วย โอรสในครรภ์ของพระนางจันทราเทวีเห็นความ
ยากลําบากของพระมารดา จึงแปลงกายเป็นหอยสังข์เพื่อไม่ให้พระมารดาต้องลําบากเลี้ยงดู เมื่อครบกําหนด
คลอด พระนางจันทราเทวีก็ คลอดโอรสออกมาเป็นหอยสังข์ ซึ่งพระนางก็รักใคร่เลี้ยงดูเหมือนลูกมนุษย์ วัน
หนึ่งพระนางจันทราเทวีออกจากบ้านไปช่วยตายายเก็บผักหักฟืน ลูกน้อยในหอยสังข์ก็ออกจากรูปหอยสังข์
ช่วยปัดกวาดบ้านเรือน และหุงหาอาหารไว้ พอเสร็จก็กลับเข้าไปในรูปหอยสังข์ตามเดิม พระนางจันทราเทวี
เมื่อกลับมาก็แปลกใจว่าใครมาช่วยทํางาน และเมื่อนางจันทราเทวีออกจากบ้านไป ลูกน้อยในหอยสังข์ก็จะ
ออกมาทํางานบ้านให้เรียบร้อยทุกครั้ง พระนางจันทราเทวีอยากรู้ว่าเป็นใคร วันหนึ่งจึงทําทีออกจากบ้านไปป่า
เช่นเคย แต่แล้วก็ย้อยกลับมาที่บ้าน โอรสในหอยสังข์ก็ออกมาทํางานบ้าน พระนางจันทราเทวีเห็นโอรสเป็น
มนุษย์ก็ดีใจจึงทุบหอยสังข์เสียและกอดโอรสด้วยความยินดีและตั้งชื่อให้ว่า ” สังข์ทอง”
เมื่อพระเจ้าพรหมทัตรู้ข่าวว่า พระนางจันทราเทวี ประสูติพระโอรสก็ยินดีจะรับ พระนางจันทราเทวี
กลับพระนางสุวรรณจัมปากะเทวีริษยาจึงได้เท็จทูลว่าพระโอรสเดิมเป็นหอยสังข์ พระเจ้าพรหมทัตก็หลงเชื่อ
เกรงจะเป็นกาลกิณีต่อบ้านเมืองจึงให้อํามาตย์จับพระนางจันทราเทวีและลูกน้อยสังข์ทองใส่แพลอยไป เมื่อแพ
ลอยออกทะเลเกิดพายุใหญ่แพแตกพระนางจันทราเทวีถูกคลื่นซัดลอยไปติดที่ชายหาดเมืองมัทราษฎร พระนาง
ก็เดินทางซัดเซพเนจรไปอาศัย บ้านเศรษฐีเมืองมัทราษฎร์ชื่อ ธนัญชัยเศรษฐี และทําหน้าที่เป็นแม่ครัว ฝ่าย
พระสังข์ทองนั้นจมน้ําลงไปยังนาคพิภพ พระยานาคมีจิตสงสารจึงเนรมิตเรือทอง แล้วอุ้มพระสังข์ทองใส่ไว้ใน
เรือ เรือทองลอยไปถึงเมืองยักษ์ซึ่งนางยักษ์พันธุรัตปกครองอยู่ นางยักษ์เห็นพระสังข์ทองในเรือทองเกิดความ
รักใคร่เอ็นดู พระสังข์ทองก็เติบโตอยู่กับนางยักษ์พันธุรัต นางยักษ์พันธุรัตปกติจะต้องออกไปหาสัตว์ป่ากินเป็น
อาหาร เม่ื่อนางออกไปป่าก็จะไปครั้งละสามวันหรือเจ็ดวัน ทุกครั้งที่ไปก็จะสั่งพระสังข์ทองว่าอย่าขึ้นไปเล่นบน
ปราสาทชั้นบนและในสวน พระสังข์ทองก็เชื่อฟัง แต่เมื่อโตขึ้นก็เกิดความสงสัยอยากรู้
วันหนึ่งเมื่อนางยักษ์พันธุรัตไปป่าพระสังข์ทองก็แอบไปในสวนส่วนที่ห้ามไว้ เมื่อเห็นกระดูกสัตว์และคน
เป็นจํานวนมากที่นางยักษ์กินเนื้อแล้วทิ้งกระดูกไว้เป็นจํานวนมาก พระสังข์ทองเห็นเช่นนั้นก็ตกใจ นึกรู้ว่า
มารดาเลี้ยงเป็นยักษ์ก็รู้สึกหวาดกลัว และเมื่อเดินต่อไปเห็นบ่อเงินบ่อทองสวยงามพอพระสังทองเอานิ้วก้อย
จุ่มลงไปนิ้วก็กลายเป็นสีทอง พระสังข์ทองจึงลงไปอาบทั้งตัว ร่างกายก็กลายเป็นสีทองงดงาม แล้วพระสังข์
ทองก็ขึ้นไปบนปราสาทชั้นบน เห็นเกราะรูปเงาะป่า เกือกทองและพระขรรค์ พระสังข์ทองเอาเกราะเงาะป่า
มาสวมก็กลายร่างเป็นเงาะป่า พอใส่เกือกทองก็รู้สึกว่าลอยได้ พระสังข์ทองจึงหยิบพระขรรค์แล้วเหาะหนีออก
จากเมืองยักษ์ และข้ามแม่น้ําไปยังเมืองตักศิลา ตกเย็นจึงพักอยู่ที่ศาลาริมน้ําฝ่ายนางยักษ์กลับมาไม่เห็นลูก

และขึ้นไปที่ปราสาทชั้นบนเห็นเกราะรูปเงาะป่า เกือกทองและพระขรรค์หายไป ก็รู้ทันทีว่าพระสังข์ทองรู้ว่า
ตนเป็นยักษ์แล้วหลบหนีไป นางจึงเหาะตามไป เมื่อถึงฝั่งน้ําเห็นพระสังข์ทองพักอยู่ นางไม่สามารถเหาะข้ามไป
ได้จึงร้องไห้อ้อนวอนให้พระสังข์ทองกลับไป พระสังข์ทองยังหวาดกลัวจึงไม่ยอมกลับ นางพันธุรัตเสียใจจน
หัวใจแตกสลายแต่ก่อนตายนางก็สอนมนต์ หาเนื้อหาปลาให้พระสังข์ทองแล้วนางก็สิ้นใจตาย พระสังข์ทองรู้สึก
เสียใจมาก
หลังจากได้จัดเผาศพนางยักษ์แล้วพระสังข์ทองก็เหาะเดินทางไปเมืองพาราณสีและได้ไปอาศัย
ชาวบ้าน ช่วยเลี้ยงโค พระสังข์ทองตอนนี้รูปร่างเป็นเงาะป่า พวกเด็กเลี้ยงโคก็มาเล่นสนิทสนมกับพระสังข์ทอง
ที่เมืองพาราณสีนี้เจ้าเมืองมีธิดา 7 องค์ เจ้าเมืองคิดจะให้พระธิดาทั้ง 7 องค์ได้อภิเษกสมรส จึงมีรับสั่งให้
ประกาศแก่เจ้าผู้ครองนครต่าง ๆ ให้ส่งโอรสมาให้พระธิดาเลือก พระธิดาทั้ง 6องค์ก็เลือกได้เจ้าชายที่เหมาะสม
แต่พระธิดาองค์สุดท้องชื่อรจนาไม่ยอมเลือกเจ้าชายองค์ใด เจ้าเมืองพาราณสีทรงกริ้วมากจึงประชด โดยให้
อํามาตย์ไปประกาศให้ชายทุกคนในเมืองให้เข้ามาในวังให้พระราชธิดาเลือก พระสังข์ทอง ในรูปเงาะป่าก็ถูก
เกณฑ์เข้ามาด้วย เมื่อนางรจนาออกมาเลือกคู่ บุญบันดาลให้เห็นรูปทองของพระสังข์ทอง แทนที่จะเป็นเงาะป่า
นางจึงเลือกเงาะป่า เจ้าเมืองพาราณสีกริ้วมากขับไล่นางรจนาออกไปอยู่นอกเมืองเจ้าเมืองพาราณสีมี
ความแค้นเคืองเงาะป่าคิดจะกําจัดจึงออกคําสั่งให้เขยทั้งหกและเงาะป่าไปหาเนื้อมาคนละตัว ใครหามาไม่ได้จะ
ถูกประหารชีวิต เงาะป่าเข้าไปในป่าถอดรูปเงาะออกแล้วร่ายมนต์เรียกเนื้อ เนื้อทั้งหลายก็มาอออยู่ที่พระสังข์
ทอง หกเขยหาเนื้อทั้งวันก็ไม่ได้จนกระทั่งมาพบพระสังข์ทอง ซึ่งหกเขยคิดว่าเป็นเทวดา หกเขยขอเนื้อจากพระ
สังข์ทอง พระสังข์ทองให้โดยขอตัดใบหูคนละหน่อย หกเขยก็ยอม ทั้งหมดก็นําเนื้อไปให้เจ้าเมืองพาราณสีเจ้า
เมืองพาราณสียังทําร้ายเงาะป่า ไม่ได้ก็แค้นใจจึงมีคําสั่งให้เขยทุกคนหาปลาไปถวาย พระสังข์ทองก็ถอดรูป
เงาะป่าแล้วร่ายมนต์เรียกปลา ปลาก็มาออคับคั่งอยู่ที่พระสังข์ทองหกเขยหาปลาไม่ได้ทั้งวันและเมื่อพบปลามา
อออยู่ที่พระสังข์ทองก็กราบไหว้อ้อนวอนขอปลา พระสังข์ทองยกให้โดยขอตัดปลายจมูกหกเขยคนละหน่อย
แล้วหกเขยกับเงาะป่านําปลาไปถวาย เจ้าเมืองพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสีขัดแค้นใจที่ทําอันตรายเงาะป่าไม่ได้
ก็เฝ้าคิดหาวิธีการอื่น ที่จะกําจัดเงาะป่า พระอินทร์บนสวรรค์ทราบถึงการคิดร้ายของเจ้าเมืองพาราณสีต่อ
เงาะป่าจึงลงมาช่วย โดยเหาะลงมาลอยอยู่หน้าพระที่นั่งของเจ้าเมืองพาราณสีและกล่าวท้าทายว่าให้เจ้าเมือง
พาราณสีหาคนดีมีฝีมือเหาะขึ้นมาตีคลีกับพระอินทร์บนอากาศภายในเจ็ดวัน ถ้าหาไม่ได้ก็จะฆ่าเจ้าเมือง
พาราณสีเจ้าเมืองพาราณสีตกใจมากให้หกเขยและบรรดาเสนาอํามาตย์ช่วยกันหาผู้อาสาเหาะไปตีคลี ทุกคนก็
จนปัญญา เจ้าเมืองพาราณสีจึงให้ป่าวประกาศว่าผู้ใดที่สามารถเหาะ ไปตีคลีกับพระอินทร์บนอากาศได้จะยก
ราชสมบัติให้ แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดมาอาสา นางมณฑาเทวีพระมเหสีของเจ้าเมืองพาราณสีจึงแอบไปหานางรจนา
และขอให้นางรจนาอ้อนวอน ให้เงาะป่าช่วย เงาะป่าสงสารทั้งสองนางจึงรับปาก และในวันที่เจ็ดเงาะป่าก็ถอด
รูปเป็นพระสังข์ทอง ใส่เกือกแก้วเหาะขึ้นไปตีคลีกับพระอินทร์จนชนะ พระอินทร์ก็กลับไปบนสวรรค์เจ้าเมือง
พาราณสี ดีพระทัยมากได้ขอโทษพระสังข์ทองและยกราชสมบัติให้ตามสัญญา พระสังข์ทองขอลาไปตามหา
พระนางจันทราเทวีก่อน พระสังข์ทองเดินทางไปตามเมืองต่าง ๆ จนกระทั่งมาถึงเมืองมัทราษฎร์ จึงไปสืบถาม
ที่บ้านธนัญชัยเศรษฐีว่ารู้จักหญิงที่ชื่อจันทราเทวีหรือไม่ ธนัญชัยเศรษฐีบอกว่าไม่รู้จัก แต่ก็เชิญพระสังข์ทองอยู่
รับประทานอาหาร

พระสังข์ทองสังเกตว่าอาหารมีรสปราณีตซึ่งผู้ทําจะต้องเป็นผู้ทําอาหารถวายพระเจ้าแผ่นดิน จึงขอพบแม่ครัว
และซักถามประวัติก็ทราบว่าเป็นพระนางจันทราเทวีจึงดีใจมาก และขอธนัญชัยเศรษฐีที่จะรับพระมารดา
กลับไป พระสังข์ทองนําพระมารดากลับไปอยู่ที่เมืองพาราณสี พระสังข์ทองปกครองเมืองพาราณสีจน
เจริญรุ่งเรือง กิติศัพท์แพร่ไปยังนครอื่น ๆ จนถึงเมืองพรหมนคร ชาวเมืองพรหมนครก็อพยพมาอยู่เมืองพาราณ
สีเสนาอํามาตย์เมืองพรหมนครจึงทูลเสนอพระเจ้าพรหมทัตว่าพระสังข์ทองพระราชโอรสครองเมืองพาราณสีมี
ความสามารถทําให้รุ่งเรืองจึงเห็นสมควรที่จะอัญเชิญพระสังข์ทองมาครองเมืองพรหมนครเพื่อสร้างความเจริญ
พระเจ้าพรหมทัตเมื่อทรงทราบว่าพระโอรสยังมีชีวิตอยู่และมีความสามารถก็ยินดี และสํานึกผิดให้อํามาตย์
ผู้ใหญ่ไปเมืองพาราณสีและทูลเชิญพระสังข์ทองและพระนางจันทราเทวีกลับเมืองพรหมนคร พระสังข์ทอง
สงสารพระบิดาจึงอ้อนวอนพระมารดาให้อภัยพระเจ้าพรหมทัต และเดินทางกลับเมืองพรหมนคร พระเจ้า
พรหมทัตก็มอบราชสมบัติให้พระสังข์ทอง ปกครองบ้านเมืองเป็นสุขสืบมา

เสียง เรื่อง สังข์ทอง

  • ผู้จัดทำ
  • 6240110101 นางสาวกนิษฐา ทองกรวด P10.
  • 6240110105 นางสาวจุฑาทิพย์ เปรี่ยมสุข P10.
  • 6240110126 นางสาวอภิญญา วันสา P10.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น