ไพฑูรย์ ธัญญา เรื่อง คนบนสะพาน

ประวัติผู้แต่ง

ไพฑูรย์ ธัญญา (26 พฤษภาคม พ.ศ. 2499 ) เป็นนามปากกาของ รองศาสตราจารย์ ดร. ธัญญา สังขพันธานนท์ เกิดที่ ต.ท่ามะเดื่อ อ.เขาชัยสน จังหวัดพัทลุง เป็นบุตรคน​ที่ 6 ในจำนวน 8 คน ของนายชู และนางคลี่ สังขพันธานนท์ บิดาเป็นครู นามสกุลเดิม คือ ชูแหละ สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษมุสลิม จบการศึกษา กศ.บ.จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา(ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยทักษิณ) จบ กศ.ม.จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พิษณุโลก เคยเป็นครูสอนชั้นประถม ในโรงเรียนแถวบ้านเกิดพัทลุงและที่สุโขทัย ก่อนมาสอนวิชาวรรณกรรมวิจารณ์ที่ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองศาสตราจารย์ประจำภาควิชาภาษาไทย และคณบดีคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก ปี พ.ศ. 2559 ได้รับเลือกจากสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย รับรางวัลวรรณกรรมแม่น้ำโขง ณ เมืองคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน เขาได้รับปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร

ก่อกองทราย' เขียนโดยไพฑูรย์ ธัญญา - GotoKnow

ไฟล์เรื่อง คนบนสะพาน

https://drive.google.com/file/d/1NkuCPOkzYVacdT6lRnjU-JHWyKoe4SDQ/view?usp=sharing

เนื้อเรื่อง คนบนสะพาน

คนบนสะพาน

                                                          พิมพ์ครั้งแรก:โลกหนังสือ พฤษภาคม 2526

ช่างเป็นเช้าที่สดชื่นและสวยงามเสียเหลือเกินในความรู้สึกของคนเลี้ยงวัวชน เขาออกจากเพิงนอนพร้อมด้วยวัวหนุ่มตั้งแต่ดาวรุ่งยังไม่ทันแย้มฟ้า ไล่ให้มันวิ่งบ้างเดินบ้างเป็นระยะทางเกือบสิบกิโล เขาชอบดูวัวหนุ่มวิ่งไปพร้อมกับกล้ามเนื้อที่เกร็งขึ้นลงเป็นริ้วลำ มันเป็นเครื่องหมายแห่งความแข็งแกร่งทรหดและบึกบึนเหมือนนักมวยฟิตจัดที่พร้อมจะขึ้นไปตะบันหน้าคู่ต่อสู้ให้พับพ่ายเพียงชั่วนกกระจอกกินน้ำบนสังเวียนเลือด การออกวิ่งในเช้ามืดทุก ๆ วันเป็นสิ่งที่เขารักอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เมื่อเป็นงานในหน้าที่ด้วยแล้วเขาจึงแทบไม่บกพร่องในหน้าที่นี้เลย

ทุกเช้าที่เดียวที่เขาต้องออกวิ่งไปพร้อมกับวัวหนุ่มตัวนี้ นี่เป็นการฝึกซ้อมอย่างหนักสำหรับเจ้าวัวถึก เงินเดิมพันเกือบสามแสนบาทที่ติดปลายเขาในการลงบ่อนครั้งนี้มากพอที่จะทำให้เจ้านายของเขายอมทุ่มไม่อั้นสำหรับการเลี้ยงดูเขา-ความจริงก็เป็นแค่คนเลี้ยงวัวชนเท่านั้นเอง เขาไม่เคยได้อะไรมากไปกว่าค่าจ้างวันละสามสิบบาท ถ้าจะมีพิเศษไปบ้างอย่างน้อยก็เป็นเพียงอาหารอร่อย ๆ สักมื้อหนึ่งบนโต๊ะเลี้ยงฉลองชัยชนะของเจ้านาย แต่นั้นมันจะมีก็ต่อเมื่อวัวที่เขาเลี้ยงสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้จริง ๆ

 คนเลี้ยงวัวยังคงย่ำเท้าไปเรื่อย ๆ คราวนี้เขาไม่ไล่ให้มันวิ่งอีกแล้ว ระยะทางที่ผ่านมามากพอสำหรับการฝึกซ้อมในเช้านี้ แต่เขาจะต้องจูงมันไป เวียนหาดทราย อีกที่ การเวียนหาดทำให้ลำข้อของวัวแกร่งขึ้น อย่าว่าแต่เจ้าวัวนั่นเลย แม้ แต่เขาก็พลอยแข็งแกร่งตามไปด้วย ตอนนี้เขาสามารถวิ่งไปในระยะทางหลายสิบกิโลเมตรได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่ต้องหยุดพัก ถ้าวันไหนมีตลาดนัดเขาก็จะจูงวัวไปเดินโชว์ในตลาดให้มันคุ้นเคยกับคนมาก ๆ เวลาลงบ่อนจะได้ไม่ต้องตื่นกลัววัวที่มาผิดที่ “มักจะตกใจตื่นง่าย ๆ และพาลวิ่งหนีคู่ต่อสู้เอาดื้อ ๆ เมื่อได้ยินเสียงโห่ฮาจากคนรอบบ่อน ดังนั้นการจูงวัวมาเดินในตลาดจึงเป็นหน้าที่อีกอย่างหนึ่งที่คนเลี้ยงวัวต้องทำเกือบทุกเช้า ซึ่งเขาเองก็ชอบมากกว่าที่จะพามันวิ่งไปไกล ๆ เขาจะมีความสุขและภาคภูมิใจต่อสายตาที่จ้องมองเมื่อเขาและวัวหนุ่มเดินผ่าน ในตอนนั้นเขามีความรู้สึกเหมือนว่าได้เป็นเจ้าของวัวหนุ่มสีแดงเพลิงตัวนี้อย่างแท้จริง

แดดเช้าส่องมาอบอุ่น คนคนเลี้ยงวัวยังคงย่ำเท้าไปข้างหน้าอย่างไม่เร่งร้อน ปล่อยให้วัวหนุ่มคึกคะนองเดินย่ำเหยาะนำหน้า เขาจะเป็นฝ่ายจูงนำอีกครั้งก็ต่อเมื่อจวนจะขึ้นสะพานนั่นแหละ

หาดทรายที่คนเลี้ยงวัวจะนำมันไปเดินเวียนหาดนั้นอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ เขาต้องจูงวัวข้ามสะพานแคบ ๆ ที่มีความกว้างพอให้วัวเดินผ่านได้เพียงตัวเดียว ความจริงก็ไม่มีคนเลี้ยงวัวคนไหนหรอกที่จะอุตริจูงวัวข้ามสะพานแห่งนี้เพราะมันไม่ใช่สะพานธรรมดา ๆ หาก แต่เป็นสะพานลิงที่สร้างขึ้น

ด้วยการขึงลวดขนาดใหญ่จากสองฝั่งลำน้ำแล้วปเรียนด้วยกระดานห่าง ๆ มีลวดเส้นเขื่องสองข้างเป็นราวให้กุมเกาะ เวลามีคนเดินข้ามทีไรมันจะแกว่งไปมาอย่างน่ากลัว อย่าว่าแต่วัวเลยที่จะกล้าข้ามแม้แต่คนที่ไม่คุ้นเคยมาก่อนก็แทบต้องคลานไปเสียด้วยซ้ำ แต่สำหรับวัวชนของเขาแล้วมันเดินข้ามไปมาอย่างสง่าผ่าเผย นี่เป็นเรื่องพิเศษอีกอย่างหนึ่งที่คนเลี้ยงวัวคนอื่น ๆ ทำไม่ได้ และเขาก็คิดว่าคงไม่มีใครอีกแล้วที่สามารถกระทำในสิ่งที่ยากลำบากได้เช่นนี้

คนเลี้ยงวัวต้องเดินถอยหลังเมื่อย่างขึ้นสะพาน มันเริ่มแกว่งไปมาเมื่อคนและวัวขึ้น เขารู้สึกแปลกใจนิด ๆ เมื่อเห็นสะพานแกว่งหนักกว่าครั้งเก่า พร้อมกับที่วัวของเขาทำจมูกฟืดฟาดกางหูชี้ซันเหมือนเห็นคู่ต่อสู้ ในขณะเดียวกันนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงวัวอีกตัวหนึ่งดังมาจากข้างหลัง

คนเลี้ยงวัวหันกลับไปอย่างเอะใจ แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อเห็นใครอีกคนกำลังจูงวัวมาบนสะพานแคบ ๆ แห่งนี้ด้วย และมันก็เป็นวัวชนเช่นเดียวกัน

คนทั้งสองประจันหน้ากันกลางสะพาน ในมือของแต่ละฝ่ายมีเชือกวัวถืออยู่ วัวชนทั้งสองที่อยู่เบื้องหลังคนจูงเริ่มท้าทายกันให้แล้ว ช่างเป็นเหตุบังเอิญที่เลวร้ายที่สุดในเช้านี้

สะพานแกว่งไหวยวบยาบเมื่อวัวทั้งสองเริ่มเมียงม่ายเข้าหากัน มันพยายามเบียดดันเจ้าของเพื่อจะขึ้นมาข้างหน้า คนกับวัวทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงสามสี่วาเท่านั้นเอง

คนเลี้ยงวัวคนเดิมรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนกล้ามาลองดีกับเขาได้ มันดูเหมือน

ว่าเขากำลังถูกลบศักดิ์ศรีและนี่เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจยอมได้ง่าย ๆ

 “ เอาวัวของมึงออกไป” เขาร้องไปอย่างขุ่นเคืองในขณะที่ใช้มือดันวัวของตัวเองมิให้ขึ้นมาข้างหน้า

“ มึงนั่นแหละเอากลับไปก่อน” คนเลี้ยงวัวที่มาใหม่ย้อนกลับ สี่หน้าบอกว่าไม่สะทกสะท้าน วัวของเขาสีขาวนวลเขาของมันโค้งงอและแหลมเรียวเหมือนปลายหนาม

“ มึงนั่นแหละ “คนเลี้ยงวัวสีแดงพูด“ กูเอาวัวขึ้นสะพานก่อน ถึงมาทีหลังจึงต้องเอาลงไปก่อน”

“ ใครบอกว่ากุมาทีหลัง มึงเดินถอยหลังจึงจะเห็นได้ยังไงว่ากูมาทีหลัง” คนเลี้ยงวัวสีขาวเถียงกลับมาพร้อมกับออกปากปรามวัวของตัวเองเสียงดัง ถึงอย่างไรเขาก็กลับหลังไม่ได้อีกแล้ว วัวของเขายิ่งตื่นเต้นอยู่ด้วย มันไม่คุ้นกับสะพานแบบนี้นัก แต่ที่เขาจูงมาก็เพราะต้องการข้ามไปอีกฟากหนึ่ง เขาจะต้องนำวัวตัวนี้ไปให้กำนันทางฝั่งโน้นดูตัวตามคำนัดแนะ

“ ว่าไงทำไมไม่ถอยไปอีก” คนเลี้ยงวัวสีแดงพยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติ

“กูบอกแล้วว่าให้ถึงถอยไป แล้วมึงมาถามหาอะไรอีกเล่า” คนเลี้ยงวัวสีขาวตะโกนกลับไปบ้าง วัวของเขายิ่งลนลานมากกว่าก่อน

ทั้งสองคนยังคงตกลงกันไม่ได้ วัวสีแดงกับวัวสีขาวเห็นกันถนัดตา มันพยายามแทรกเบียดเจ้าของขึ้นข้างหน้าให้ได้เสียงมันขู่ร้องท้าทายกันหนักขึ้น ดวงตาของวัวทั้งคู่เขียวปัดน่ากลัว

สะพานแกว่งลั่นเอี๊ยดอ๊าด คนเลี้ยงวัวทั้งสองยังไม่เคลื่อนไหว เสียงวัวหนุ่มแต่ละตัวฟืดฟาดดังสนั่นอยู่บนสะพานอย่างมุ่งตาย

“ เร็วซี. บอกให้ออกไปเร็ว ๆ ถึงไม่เห็นรึ วัวมันจะวิ่งเข้ามาแทงงกันอยู่แล้ว”คนเลี้ยงวัวสีแดงตะคอกกลับมาสุดเสียงเขาห้ามความโกรธไว้ไม่ได้อีกต่อไป

“ มึงดีแต่บังคับคนอื่น… ถ้ามึงกลัวตายก็ถอยไปก่อนชีวะกูถอยไม่ได้เว้ย” ฝ่ายตรงข้ามโกรธจัด เขาหายใจถี่แข่งกับวัวของตัวเอง

“ กูไม่ได้บังคับ แต่ว่ากันตามที่ถูก จึงควรถอยไปก่อน มึงเห็นกูเดินถอยหลังขึ้นมาแล้วทำไมไม่บอกแต่หัวที จึงแกล้งกูใช่มั้ย”  คนเลี้ยงวัวสีแดงร้องตอบไปด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม ท่าทางของเขาดูขัดเคืองมากขึ้น

“ มึงอย่าหาเรื่อง กูไม่ได้แกล้งมึง มึงเดินไม่ดูตาม้าตาเรือแล้วยังมาโทษคนอื่น”  คนเลี้ยงวัวสีขาวชี้หน้าตอบไปบ้างคราวนี้เขาขยับขึ้นมาอีกก้าวหนึ่ง วัวหนุ่มคะนองที่อยู่ข้างหลังขยับตามทันที

“ ไม่แกล้งก็เหมือนแกล้ง” คนเลี้ยงวัวสีแดงไม่ยอมลดรา

 “กูจูงวัวมาทางนี้ทุกวันไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น แต่วันนี้เสือกมีคนมาเอาอย่าง มันคนละชั้นกันเว้ยพวก”

“ เฮ้ยมันจะมากไป .. มันจะมากไป มึงว่ากูเอาตามเรอะหนอย…อีแค่วัวขึ้นสะพานนี้ได้ จึงคิดว่ามันเก่งนัก อย่ามาดูถูกกันนะเว้ย สะพานนี้ไม่ใช่ของพ่อใคร ทำไมกูจะข้ามไม่ได้”

“ นี่มึง…มึงขึ้นพ่อเชียวเรอะ มันไม่สวยเสียแล้ว ถึงพ่อกไม่ได้เป็นเจ้าของแต่แม่มึงก็ไม่ได้สร้าง” คนเลี้ยงวัวสีแดงตัวสั่นระริก เขาชี้หน้าอย่างเดือดดาล

วัวทั้งสองตะกุยตะกายหนักขึ้น มันฮึกเขาหากันด้วยท่าทีดุร้าย ผู้เป็นเจ้าของต่างต้องเอามือกรานไว้เต็มแรง ไหวโยนยะยวบหนักขึ้น เสียงลวดสะพานครางลั่น ข้างล่างน้ำสีเขียวไหลวนอ้อยอิ่ง มันพร้อมที่จะกลืนร่างทุกร่างที่ร่วงลงไป

คนทั้งสองยังคงถลึงตาเข้าใส่กันไม่ลดรา วัวหนุ่มสีแดงคะนองนัก มันพยายามเบียดแทรกผู้เป็นเจ้าของอย่างไม่กลัวเกรง วัวสีขาวก็เช่นเดียวกันมันอีกดันเจ้าของขึ้นมาเรื่อย ๆ จนคนเลี้ยงต้องใช้มือตีเพียะมะสะพานยิ่งแกว่งไหวเหมือนจะพลิกคว่ำทั้งคนทั้งวัวบนสะพานเริ่มส่อสีหน้าหวาดหวั่น

 “จะตายกันหมดรึไง…ถอยออกไปก่อนซี…ถอยไปเร็ว ๆ ได้ยินไหม เดี๋ยวก็ตายกันหมดคอยดูเถอะ” เจ้าของวัวสีขาวตะโกนขึ้นมาอีก ความโกรธเคืองในที่แรกดูเหมือนจะซาลงเขาใช้มืออีกข้างเกาะราวสะพานไว้เหนียวแน่น คนเลี้ยงวัวสีแดงก็ไม่ผิดกันนัก

“ จะไปยังไง…สะพานมันแคบนิดเดียว วัวมันกลับตัวไม่ได้จะให้มันถอยหลังรึ…ให้ของมึงลองดูก่อนซีมั นจะวิ่งเข้าหากันละมากกว่า”

“วัวมึงกลับไม่ได้ วัวกูก็กลับไม่ได้เหมือนกันแหละ แล้วจะทำยังไงดีโว้ย” เจ้าของวัวสีขาวหน้าซีดเผือด วัวของเขาตะกุยไม้กระดานไม่ขาดระยะ ยิ่งทำให้สะพานเพิ่มการเหวี่ยงไหวมากขึ้นทุกที

” เฮ้ย…เฮ้ย … นั่นพวกแกทำอะไรกัน ทำไมเอาวัวมาล่อกันกลางสะพานแบบนี้ หลีกหน่อยหลีกทางให้ข้าหน่อย ” เสียงตะโกนดังมาข้างหลังวัวสีแดง พร้อมกับเสียงเท้ากระชั้นเข้ามา ผู้ชายคนหนึ่งหาบถังใส่น้ำยางมาเอวแอ่น ร่างของเขาเซไปมาเหมือน คนเมาน้ำยางสดสีขาวกระฉุดออกมาเรี่ยราดใส่พื้นสะพาน

“ แกจะบ้าอีกคนรวะแกลงมาทำไมอีกไม่เห็นหรือว่าทั้งคนทั้งวัวกำลังอุดรูอยู่

” คนเลี้ยงวัวสีแดงหันมาตะคอกใส่ด้วยความหัวเสียเพราะคนมาใหม่ทำให้วัวตกใจและเบียดเขาจนเกือบตกสะพาน

 “คนกำลังมาหนัก ๆ ใครจะไปยังทันเห็นมั้ยน้ำยางข้าหกหมดแล้ววันนี้มีหวังโดนเถ้าแก่ด่าแน่ ๆ เลย” คนหาบน้ำยางบ่นอย่างไม่พอใจขาทั้งสองยังสั่นพับ ๆ

 คนเลี้ยงวัวสีแดงดันวัวของเขาให้ถอยหลัง แต่มันไม่ยอมมันมี แต่จะเดินเข้าหาวัวสีขาวเท่านั้นสะพานเริ่มแกว่งไปมาอีกครั้งหนึ่งทำให้น้ำยางในถังกระฉูดมากขึ้น

“ นี่อย่าให้วัวมันปล้ำซีน้ำยางข้าหกแล้วเห็นมั้ย … พวกแกนี้ไม่มีงานทำไงเอาวัวมาล่อกันกลางสะพานมันไม่ใช่บ่อนนะเว้ยมันเดือดร้อนคนอื่นรู้ไว้ด้วย” คนหาบน้ำยางพยายามบังคับการทรงตัว แต่ก็ทำไม่ได้เพราะสะพานยังโคลงไปมา

“รู้แล้วว่าไปไม่ได้ก็ทำไมไม่ถอยไปเล่า … ถอยไปก่อนเร็ว ๆ เข้าเดี่ยวสะพานขาดก็จะได้ตายกันหมดคอยดูเถอะ” คนเลี้ยงวัวสีแดงรำคาญเต็มที่เขาละจากคู่อริเดิมเสียชั่วขณะหันมาถลึงตาใส่คนหาบน้ำยางแทน

“ ก็ทางเขามีไว้ให้เดินนี่” คนหาบน้ำยางโต้กลับมา“ ข้ามาทางนี้ทุกเช้าไม่เคยเจอคนบ้าแบบนี้วันนี้แม่ง … มันชวยฉิบหาย” เขายังบ่นพึมพำ แต่ไม่ยอมหันหลังกลับเพราะกลัวน้ำยางในถังจะหกมาก ไปอีกหากน้ำยางในสองถึงหกหมดเมื่อไร นั่นก็หมายความว่าถูกหักค่าจ้างสำหรับวันนี้ไปอย่างน่าเสียดาย

ไม่ทันที่คนเลี้ยงวัวสีแดงจะโต้อะไรออกไปอีกคนเลี้ยงวัวสีขาวก็ร้องขึ้นเสียงหลงเมื่อปรากฏว่าตรงหัวสะพานเบื้องหน้ามีคนขึ้นมาอีกคนท่าทางอันร้อนรนของคนที่เพิ่งมาใหม่ทำให้วัวของเขาตื่นตระหนก

 “นี่นางนางขึ้นมาทำไมไม่เห็นรีว่าคนกับวัวมันขวางอยู่เต็มสะพาน, เฮ้ยหยุดหยุดตรงนั้นแหละวัวมันตกใจ”

“ หลีก, หลีกทางหน่อยฉันจะไปตลาดลูกของฉันมันกำลังจะตายฉันจะไปซื้อยาหลีกเร็ว ๆ ” หญิงวัยกลางคนที่เพิ่งขึ้นมาเหมือนไม่ได้ยินเสียงห้ามและมองไม่เห็นว่าอะไรขวางหน้านางเอาแต่จะไปท่าเดียว

“ บอกว่าไปไม่ได้ไปไม่ได้หูหนวกไง” คนเลี้ยงวัวสีขาวหันมาตะคอกใส่สุดเสียงท่าทางของเขาทั้งโกรธทั้งขัดใจ

“ แกเอาวัวออกไปเอาออกไปไอ้พวกฉิบหายลูกกำลังจะตายให้กไปซื้อยาก่อน” นางร้องเสียงหลงรีบเอามือยึดราวสะพานไว้อย่างหมิ่นเหม่“ นี่จะแกล้งกูทำไมอย่าแกว่งสะพานว้าย ๆ บอกว่าอย่าแกว่ง ๆ “นางโวยวายไม่ได้ศัพท์

“ นี่…นาง… อย่าดิ้นให้มันมากนักซีน้ำยางหกหมดแล้ว เห็นมั้ยโอย กูจะบ้าตาย…มาเจอดี ๆ ทั้งนั้น” คนหาบน้ำยางตะโกนข้ามมาจากอีกฟากหนึ่ง ดูเหมือนเขาจะทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

” ก็กลับไปซีบ่นหาหอกอยู่ได้แกก็เหมือนอียายนั้นนั้นแหละได้ แต่แหกปากวัวกูตกใจเห็นมั้ยเดี๋ยวก็ได้หล่นน้ำไปทั้งหมดหรอก” คนเลี้ยงวัวสีแดงแหวเข้าใส่อีกคน

หญิงวัยกลางคนตัวสั่นไปตามแรงแกว่งของสะพาน สีหน้าของนางบ่งบอกความหวาดกลัวสุดขีดนางเริ่มร้องไห้เหมือนคนเสียสติ

“นาง…นางกลับไปก่อนดีกว่า วัวมันจะเหยียบคอฉันแล้วเห็นมั้ย บอกว่าไปไม่ได้ก็ไม่เชื่อ อยู่บนนี้มาก ๆ สะพานมันรหนักนะรู้หรือเปล่า” เจ้าของวัวสีขาวพูดกับนางอีกที ท่าทางกราดเกรี้ยวของเขาลดลง เมื่อเห็นอาการหวาดกลัวของหญิงวัยกลางคน วัวทั้งสองยังคงฟิดฟาดเข้าหากันเหมือนอยู่ในบ่อน

ตะวันสูงแดดสายมากแล้ว…คนบนสะพานยังตกลงกันไม่ได้วัวทั้งสองก็หมายเขม้นกันอย่างประสงค์ร้าย สะพานโยกโยนตามแรงลิ้นของวัวทั้งคู่ เสียงลวดเหล็กครางลั่นชวนหวาดเสียว

มีคนกำลังขึ้นสะพานมาอีกสองคน ทางคนเลี้ยงวัวสีแดงคนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นจูงเอาจักรยานขึ้นมาด้วย ส่วนทางด้านคนเลี้ยงวัวสีขาวเป็นพระที่เพิ่งกลับจากบิณฑบาต คนทั้งสองเดินเข้ามากลางสะพานด้วยความอยากรู้ น้ำหนักของคนที่เพิ่มขึ้นทำให้สะพานหย่อนยวบลงทันที

“ เรื่องอะไรกันเกิดอะไรขึ้นหรือ “คนที่กำลังจูงจักรยานถามขึ้นเมื่อเข้ามาใกล้คนหาบน้ำยางที่กำลังยืนหัวเสียอยู่“ แกนจะบ้าเรอะเลือกเอารถขึ้นมาทำไมข้างหน้าทางตันไม่เห็นหรือ” คนหาบน้ำยางที่กำลังหาบถังเปล่าตะคอกใส่ “เห็นแล้วเห็นถนัดแล้วแหละ แต่อยากรู้นะว่ามันเรื่องอะไรกันจึงได้เดินขึ้นมาดูนี่แหละ เสียงของคน๗งจักรยานเนิบนาบเรียบเฉย ไม่ทุกข์ไม่ร้อนเหมือนสีหน้า

“แล้วแกเอารถขึ้นมาทำไมจอดไว้ตรงหัวสะพานก็ได้นี่”

“ จอดไว้ได้เรอะรถใหม่ ๆ อย่างนี้เดี๋ยวขโมยมันก็มายืมไปใช้เท่านั้นเอง“

“ รำคาญจริงเว้ยรำคาญขึ้นมาเถียงกันอยู่ได้พวกบ้าทั้งนั้น” คนเลี้ยงวัวสีแดงตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด

“ไหนมันเรื่องอะไรกัน ลองว่ามาซิ ทำไมถึงเอาวัวมาล่อกันกลางสะพานแบบนี้ มันไม่ใช่ของสนุกเลยสักนิดเดียว”พระวัยกลางคนเอ่ยขึ้นเมื่อมาอยู่กลางสะพาน

“ ไอ้นั่นแหละมันผิด…” คนเลี้ยงวัวสีขาวชี้ไม่ยังคู่อริ“ มันเอาวัวขึ้นสะพานโดยไม่มองว่าฉันกำลังขึ้นมาก่อนแล้ว”

“ มึงนั่นแหละผิด…กูเดินถอยหลังนี้จะไปเห็นได้ยังไงว่าคนขึ้นมา” อีกฝ่ายเถียงอย่างไม่ยอมแพ้เจ้าของวัวสีแดงโต้กลับไปทันที

“ มึงนั่นแหละผิดเต็มประตูพอคนอื่นขึ้นมาก็หาเรื่องกับเขาอีก”

“ โกหก” เจ้าของวัวแดงยกมือทิมมาข้างหน้าอย่างเดือดดาลเสียงโต้เถียงเอ็ดจึงทำให้วัวทั้งคู่ตกใจหนักเข้าไปอีกมันเหลียวเลิกลักขยับไปมาจนสะพานล้นครึดคราดวัวสีแดงสะดุ้งเหยิงเมื่อเหยียบกระดานหักลงไปแผ่นหนึ่ง

“ ว้าย. ตาเถรตกสะพาน สะพานหักแล้วช่วยด้วย ๆ หญิงวัยกลางคนร้องลั่นหลับตาปีตัวสั่นเร่าเหมือนลูกนก

คนบนฝั่งทั้งสองเข้ามาออแน่นมากขึ้นคนที่ต้องการข้ามสะพานตะโกนด่ามาโหวกเหวกคนบนสะพานกระวนกระวายทำอะไรไม่ถูก

พระวัยกลางคนประคองบาตรในมือให้กระชับเสียงกลองสัญญาณดังมาจากวัดฝั่งตรงข้ามทำให้พระร้อนรน

 “เอาล่ะเอาละอย่าเถียงกันเลยทั้งหมดนั่นแหละเป็นผู้ผิดพวกแกสองคนทำให้เดือดร้อนกันไปหมดคนที่จะข้ามสะพานก็มาไม่ได้เห็นมั้ยตอนนี้หาทางแก้ไขกันก่อนดีกว่าก่อนที่สะพานมันจะขาดลงไปแล้วตายกันหมด” พระพูดไกล่เกลี่ยแล้วร้องบอกให้คนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เจ้าของวัวถอยหลังไปก่อนคนเลี้ยงวัวค่อยแยกไปทีหลัง

ไม่นานนักบนสะพานแคบ ๆ แห่งนั้นก็เหลือเพียงคนเลี้ยงวัวทั้งสอง แต่เขาก็ยังไม่สามารถดันให้ให้วัวของตัวเองกลับหลังได้

เสียงคนบนฝังตะโกนเร่งเร่งขึ้นมาอีกเสียงด่าทอโห่ร้องอย่างไม่พอใจทำให้วัวทั้งคู่กลัวลานจนบังคับไม่อยู่มันดันเอาคนเลี้ยงทั้งสองถอยหลังไปชนกันกลางสะพานอีกครั้งหนึ่งที่วัวทั้งคู่เห็นกันถนัดมันยิ่งดฟาดใส่กันหนักขึ้นปลายเขาแหลมคมทั้งสองคู่ร่อนร่าอยู่เบื้องหน้าคนเลี้ยงทั้งสองอย่างหมิ่นเหม่สะพานไหวโคลงเคลงเหมือนมีมือแกว่งวัวทั้งสองตะกุยเท้าเข้าหากันอย่างบ้าบินผู้เป็นเจ้าของไม่อาจใช้มือยันกรานให้มันถอยหลังไปได้แม้ก้าวเดียวคนบนฝั่งโห่ร้องหนักขึ้นบางคนตะโกนยุให้วัวทั้งคู่โถมเข้าหากันด้วยความสะใจ

เหงื่อแตกพร่าขึ้นบนใบหน้าซีดเผือดของคนเลี้ยงวัวทั้งสองไม่มีใครคิดถึงศักดิ์ศรีหรือความยิ่งใหญ่ของตัวเองอีกแล้วหลังของคนทั้งคู่เบียดชิดกันจนแทบเป็นเนื้อเดียวมือทั้งสี่ที่ยกดันจมูกวัวเอาไว้อ่อนแรงลงทุกขณะเสียงคำรามฟืดฟาดและลมหายใจร้อนแรงของวัวทั้งคู่เหมือนเสียงสัญญาณจากยมทูตและแล้วมันก็กระโจนเข้าหากันในทันใด

“โอ้ย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นพร้อมกันคนบนฝังเอามือปิดตาด้วยความหวาดเสียวเสียงเขาวัวกระแทกกันดังสนั้นเหมือนเสียงฟ้าผ่าสะพานไหวโยกเอียงหงายร่างของพวกเขาทั้งสองทรุดลงไปกองอยู่ระหว่างเขาวัวแล้วฉับพลันนั้นลวดสะพานข้างหนึ่งก็ขาดผึ้งสะพานเอียงกระเท่เร่ลงฟาดผิวน้ำทั้งคนทั้งวัวหล่นตูมลงในวังน้ำวน

เสียงคนบนฝังหวีดร้องยาวนานแล้วทุกอย่างก็จมหายไปใต้สายน้ำวนกระดานสามสี่แผ่นลอยกระจายอยู่บนฟองน้ำพราวพราย…

ไฟล์เสียง เรื่อง คนบนสพาน

https://drive.google.com/file/d/1VqA8Vl2lWfPR-4OqfFQcbbI-rvU8UMMx/view?fbclid=IwAR24As-bvXLuDQuL6Orp9t4fNIAIF4pvKRjpXqb3RSz5zt9Z5HZH7TTDNwg

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น