มนัส จรรยงค์

มนัส จรรยงค์ เกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2450 ที่จังหวัดเพชรบุรี เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้องรวม 10 คน ของนายผ่องและนางเยื้อน จรรยงค์ เดิมบิดามีภูมิลำเนาแถวสะพานเจริญพาศน์ ธนบุรี รับราชการเป็นผู้ช่วยอัยการที่เรียกกันว่า “แพ่งอัยการ” ภายหลังไปเป็นทนายความอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี 

พ.ศ.2472 ได้เริ่มเขียนเรื่องสั้นชื่อ “สวรรค์ครึ่งเดือน” เป็นครั้งแรก ใช้นามปากกา “อ.มนัสวีร์” มีความหมายว่า “อ้อมผู้กล้าหาญ” แล้วส่งให้หนังสือพิมพ์เดลิเมล์วันจันทร์” แต่ ป.บูรณปกรณ์ ได้เปลี่ยนชื่อให้เป็น ‘คู่ทุกข์คู่ยาก’ ในเดือนมิถุนายน 2473 ในปีเดียวกันนั้นได้สมรสกับอ้อม บุนนาค เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เข้าประจำกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ‘หลักเมือง’ และเขียนเรื่องรักโศกเล่มละ 10 สตางค์ โดยใช้นามปากกา “อ.มนัสวีร์” และ “ฤดี จรรยงค์” อยู่ในแวดวงนักเขียนนักหนังสือพิมพ์อยู่ช่วงหนึ่งก่อนออกไปรับหน้าที่เป็นผู้จัดการร้านค้าแบบสหกรณ์ที่ทัณฑนิคมจังหวัดยะลา หลังจากกลับมาทำหนังสือพิมพ์ ประชามิตร-สุภาพบุรุษ อีก แล้วย้ายประจำกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ‘นิกร’ กระทั่งเปลี่ยนชื่อเป็น ‘สยามนิกร’ ก่อนออกมาเป็นนักเขียนอย่างเดียว นามปากกาที่เขาใช้คือ อ. มนัสวีร์, ฤดี จรรยงค์ และรุ่ง น้ำเพชร เขาเขียนเรื่องสั้นมาไม่ต่ำกว่า 1,000 เรื่อง นวนิยายอีกประมาณ 20 เรื่อง เรื่องสั้น ‘จับตาย’ ได้รับการคัดเลือกจากสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย แปลเป็นภาษาอังกฤษและตีพิมพ์ในหนังสือ ‘ชุมนุมบทประพันธ์แห่งเอเชีย’ ของสมาคมนักเขียนแห่งออสเตรเลีย เมื่อปีพ.ศ. 2501 เรื่องสั้น ‘ซาเก๊าะ’ ได้รับการคัดเลือกตีพิมพ์เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2528 สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยได้ยกย่องมนัส จรรยงค์เป็น 1 ใน 15 ของนักเขียนเรื่องสั้นดีเด่นเนื่องในวาระครบ 100 ปีเรื่องสั้นไทย นอกจากนั้น มนัส จรรยงค์ยังเป็นนักเขียนสารคดีที่มีความสามารถคนหนึ่ง ที่สร้างชื่อเสียงให้เขาคือเรื่อง ‘ข้าพเจ้าเป็นบ้าไป 36 ชั่วโมง’

ผลงานนักเขียน

“จับตาย” (ซาเก๊าะ)

เนื้อหาในหนังสือ 
https://drive.google.com/file/d/1CevX3ubuG0irRCRyvDi1h7XiAnw66mwg/view?usp=sharing

“จับตาย” (ซาเกาะ) 
เขาเป็นนักการพนันที่เลื่องชื่อเขาเกิดมาสำหรับการเสี่ยงโชคแท้ๆเขามีชีวิตอยู่อย่าง“ ลูกผีลูกคน” วันนี้เงินเข้ามาอัดอยู่ในกระเป๋าของเขาพรุ่งนี้มันอาจไม่มีเหลืออยู่อีกกี่มาทในกระเป๋าถึงกระนั้นเปรื่องก็ยังเอาตัวรอดอยู่เสมอมา
ทั้งโป๊กเกอร์และบริดจ์ทั้งไฟผ่องไทยไฟเผโปกำไฮโลและถั่วเขาถนัดจิปาถะตั้งแต่ออกจากโรงเรียนมาฉันเคยเห็นเขาทำงานอยู่พักหนึ่ง แต่เขามีนิสัยการพนันจัดในที่สุดเขาก็ไปคว้าเอาเงินของหลวงมาหมุนเข้า แต่เขาหมุนเอากลับไปไม่ทันจึงเพียง แต่ถูกออกจากงานฐานมัวหมองต่อหน้าที่แล้วเขาก็ปล่อยชีวิตให้ลอยละล่องเหมือนเจ้าพวกมาลัยจากเหนือไปใต้จากตะวันออกไปตะวันตกเขาอาจไปรวยมาจากพม่าเขมรอินโดจีนแล้วบางที่ก็ไปเสียที่หาดใหญ่อย่างย่อยยับเขาร่ำรวยเขาก็จะกลับมาบ้านเสียพักหนึ่งจ่ายเงินไว้ให้พอแก่การใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคุณยายกับน้องสาวแล้วก็หายตัวออกจากกรุงเทพฯไปอีกพอคะเนว่าเงินทางบ้านยอบแยบเปรื่องก็กลับมาชีวิตเป็นสิ่งที่น่าประหลาดเหลือเกิน แต่สำหรับเปรื่องเขาเฉยๆสำหรับมัน 
แต่ถึงอย่างไรเปรื่องก็หมดตัวครั้งหนึ่ง ซึ่งการหมดตัวครั้งนั้นทำให้เขาเกือบจะระเบิดสมองของตัวเองเสียด้วยลูกตะกั่วนักพนันอย่างเปรื่องไม่เคยยอมตายง่ายๆ แต่ครั้งนั้นเขาเกือบไปที่เดียวเปรื่องว่ามันเป็นการพนันที่น่าอัศจรรย์ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยพบเลย
 เวลานั้นฉันอยู่ที่บ้านนอกของปัตตานีฉันจำได้ว่าเป็นเวลาอีกสักเจ็ดแปดวันก็จะถึงงานรัฐธรรมนูญที่ที่ฉันอยู่คืออำเภอยามูเป็นอำเภอที่เงียบและเปลี่ยวเปล่ามีถนนเล็ก ๆ ตัดกับถนนสายยะลา-ปัตตานีเข้าไปในสวนยางไปทะลุออกอำเภออะไรฉันจำไม่ได้ แต่อีกด้านหนึ่งตัดตรงไปทางเมืองยะหริ่งเก่าซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นสวนยางไปเสียแล้วที่สี่แยกเป็นย่านชุมนุมชนมีตลาดเล็ก ๆ มีโรงยาฝืนเล็ก ๆ และมีโรงเหล้าที่โรงเซจวนจะปรักหักพังนอกจากนั้นก็มีร้านกาแฟดื่นดาษกลิ่นยางพาราเหม็นอู่ยามเมื่อแม่สาวน้อยของพระอัลเลาะห์เจ้าเธอหาบมันมาเพื่อจะนำเอาไปขายฉันยังจำผ้าคลุมศีรษะสีเขียวสีแดงของพวกหล่อนได้ยังจำขอบนัยน์ตาของ“ เจ๊ะแต” แม่สาวน้อยโฉมงามของยะรังได้หล่อนทาไว้เสียดำขลับ“ กะเจ๊ะ” อายุสิบแปดปี แต่หล่อนใส่กำไลเท้าที่สวยงามและมีลูกดุมสายระโยงระยางเหมือนเหรียญตราของท่านขุนนางครั้งโบราณฉันมาร่อนเร่อยู่ที่นี่ก็เพราะไร้งานเหมือนกันโดย บริษัท ที่ฉันทำงานอยู่นั้นต้องมรสุมและเลยเลิกกิจการลงโดยกะทันหันฉันจึงออกเสี่ยงโชคไปตามเยี่ยงอย่างของชายหนุ่มผู้ชอบเผชิญโชคทั้งปวง
ฉันชอบเข้าไปดูวัวชนมันชนกันน่าดูนักการต่อรองเล่นกันรุนแรงมากสนามวัวยามูเป็นสนามเล็กก็จริง แต่ก็เรียกร้องคนมาได้ทั่วแดนเนืองแน่นทุกๆวันฉันชอบดูมันชนกันเท่านั้นมันฉลาดมันมีชั้นเชิงมีไหวพริบเพื่อรักษาตัวของมันเจ้าวัวหนุ่มชั้นเชิงอ่อนหลงระเริงและคึกคิดว่าอาตมานี้หนอมีกำลังดังช้างสาร แต่ครั้นเข้าประเขากันเข้าจริงเหงื่อก็ตกเลือดโซมเขาพอเสียคอให้ข้างเจ้าแก่ก็โถมเอาด้วยไม้ตายเจ้าหนุ่มก็วิ่งหนีรอบสนามบางที่วิ่งเข้าหาคนฉันเองก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้เจ้าวัวหนุ่มนี้มันมักท่าดี  
ทีเหลวเสียบ่อยเหลือเกิน
วันนั้นฉันนั่งอยู่ในร้านกาแฟเพื่อคอยพบเลาะดูมีแอเพื่อนของฉันเราจะไปทำเหมืองแร่ที่เหมือง“ ถ้ำทะลุ” ด้วยกันฉันจะไปเป็นเสมียนโบรึ่งแร่ส่วนเลาะเขาจะไปเป็นพนักงานตรวจลำรางน้ำเราไม่มีงานอะไรทำดีกว่านี้ก็ต้องรีบถือโอกาสทันทีสักครู่หนึ่งเลาะก็มาเขารีบเข้ามาหาฉัน
“ วันนี้ชาเก๊าะชน” เขาบอก“ คุณไพศาลต้องไปดู”
“ ชาเก๊าะ? "ฉันนึกไม่ออก
“ ซาเก๊าะวัวของยีซะไงเล่า” เขาพูดกระหืดกระหอบ“ เขาวางเดิมพันกันตั้งแปดร้อยจะชนกับวัวที่มาจากปะนาเระเร็วเถอะคุณเดี๋ยวไม่มีที่นั่งซาเก๊าะไม่เคยแพ้ใครเลยตั้งแต่มันชนมา ... " 
ซาเก๊าะ! ดูเหมือนฉันจำได้ฉันเคยได้ยินเขาพูดถึงมันบ่อยๆมันถูกเลี้ยงอย่างดีที่สุดกินดีนอนกางมุ่งออกกำลังทุกวันฮะยีชะรักมันเหมือนบุตรก็ควรจะเป็นอย่างนั้นเพราะว่ามันทำเงินให้แก่ฮะยีซะจนมั่งคั่งขึ้น แต่ก่อนฮะยีชะต้องเช่าสวนยางเขาทำตั้งแต่ได้ชาเก๊าะมาไว้เดี๋ยวนี้เขามีสวนยางของเขาเองสุดลูกหูลูกตาและถ้าซาเก๊าะเข้าชนครั้งหนึ่งต้องแปดร้อยหรือพันบาทขึ้นไปฮะยีชะเล่นนอกอีกชนคราวหนึ่งเขาจะได้เงินหลายพันเลาะอ้างสรรพคุณของซาเก๊าะอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ลากมือฉันไปโดยไม่ฟังคำปฏิเสธเลย
วันนี้คนแน่นสนามจริงตามคำของเสาะเสียงวัวชนที่เขานำมาเปรียบรอบ ๆ สนามชนมันโก่งคอร้องบ้างใช้เท้าหน้าตะกุยดินบ้างเป็นภาพที่ 
น่าดูที่สุดทั้งร้านค้าร้านขายเนืองแน่นกลิ่นไก่ย่างลอยเตะจมูกทั้งหญิงทั้งชายไหลมาบ่าเข้าไปอย่างคับคั่งฉันเดินเรื่อย ๆ มากับเลาะดูมีแอโดยต้องการที่นั่งที่ดีสักหน่อยจะได้เห็นถนัด
ฉันถูกตบไหล่อย่างหนัก ๆ 
“ ไพศาลใช่มั้ย?”
 ฉันเหลียวไปเปรื่องนั่นเอง
“ เปรื่องมาปักษ์ใต้ตั้งแต่เมื่อไร” ฉันถามเราบีบมือกันด้วยความดีใจที่ตั้งแต่ออกจากโรงเรียนแล้วเราไม่ค่อยไแล้วเราไม่ค่อยได้พบกันเลยการพบสองสามครั้งในกรุงเทพฯไม่ทำให้เราแปลกใจกันเท่ากับมาพบกันที่สนามชนโคในอำเภอบ้านนอกของปัตตานี
“ มานานแล้ว” เขาว่า“ มอนติคาร์โลที่หาดใหญ่แล้วก็เลยมาเที่ยวปัตตานี้กับเพื่อนไง! เจ้าซาเก๊าะนี่ดีนักหรือ?”
 เขาจบการสนทนาด้วยการกล่าวถึงชาเก๊าะทันทีฉันรู้ว่าเขามาที่อำเภอยะรั้งนี้เพื่อเล่นการพนัน
“ ซาเก๊าะน่ะหรือ?” ฉันทวนคำ“ ได้ยินว่าอย่างนั้นมันไม่เคยแพ้ใครเลยชื่อเสียงมันโด่งดังฉันคิดว่าชื่อมันลือไปหลายเมือง“
 นั่นน่ะซีไพศาลกันจะมาเล่นเจ้าชาเก้าะกันต้องการเงินสักเจ็ดแปดร้อยวัวปะนาเระเขาดีเหมือนกันไม่เคยแพ้ใครเลย	เปรื่องฉันและเลาะเราทั้งสามคนเลือกได้ที่นั่งที่ดีเปรื่องนั่งไม่ค่อยเป็นที่เขาผุดลุกผุดนั่งไปที่กลุ่มน้นกลุ่มนี้ลางทีก็วานเลาะไปเป็นล่ามให้ด้วยเขากลับมานั่งที่ก็กระซิบกับฉันว่าซาเก๊าะเป็นต่อ๓-๑ฉันไม่ค่อย
เอาใจใส่นักดอกสายตาของฉันจับไปยังกลางสนามเมื่อเสียงฆ้องดังซึ่งขึ้นโคสองตัวถูกจูงออกไปกลปกลางสนามทำพิธีเสกคาถาอาคมกันด้วยฮะยีแก่ ๆ ใช้ลูกตาลสุกทาหน้าตาและเขาทำให้ลื่นและเมื่อเวลาวัวชนกันเหนื่อย ๆ รสหวานของลูกตาลสุกจะได้ไหลเข้าปากทำให้ชุ่มชื่นแก่นักสู้ที่ใช้เขาทั้งสองเป็นอาวุธฆ้องดังอีกครั้งหนึ่งวัวทั้งคู่ก็ถูกจูงเข้าหากันพอใกล้เสียงเขาทั้งสองคู่ก็กระทบกันตั้ง“ โป๊ก” เหมือนเสียงทุบมะพร้าวเขาก็ปลดเชือกจูงพากันกลับไปปล่อยให้มันใช้กำลังเขากำลังคอกันอยู่ แต่ลำพัง
คู่ที่ ๑ ที่ ๒ ที่ไม่เป็นรสนัก แต่ถึงกระนั้นก็ยังทำเงินให้เปรื่องเกือบสองร้อยบาทเขาไม่ใช่นักเลงชนวัว แต่ทำไมเขาถึงดูเป็นก็ไม่ทราบฉันเชื่อว่าโชคของเขามากกว่าคู่ที่ ๑ ชนกันสองยกเจ้าวัวหนุ่มคึกคะนองก็แพ้จูงเข้าชนอีกสามครั้งก็เปิดหนีไปทุกที่คู่ที่ ๒ เจ้าตัวด่างเสียหลักถูกเจ้าแดงชนจนตั้งตัวไม่ติดจะหันเขาเข้าประกันไม่ได้เพราะมันบุกด้วยเขาแหลมทั้งคู่อยู่ตลอดเวลาในที่สุดก็แพ้ในยกต้นนั่นเองคู่ที่ ๓ วัวตื่นสนามมันตกใจอะไรไม่ทราบวิ่งวนไปรอบ ๆ แล้วในที่สุดก็ตะกายรั้วไม้ไผ่เตี้ย ๆ รอบสนามทางที่เรานั่งดูกันอยู่ต้องผละหนีออกไปด้วยความตกใจ
 เสียงฆ้องดังขึ้นคนยืนหมดทั้งสนามคู่ที่ ๔ มาถึงแล้วซาเก๊าะกับวัวปะนาเระเราทั้งสามต้องยืนขึ้นดูมันเหมือนกันซาเก๊าะถูกจูงมามันเดินช้าๆมีสง่าภาคภูมิเหมือนนักมวยฝีมือเอกสวมเสื้อคลุมชนะเลิศของโลกเดินขึ้นสู่เวทีคนดูเงียบกริบมันไม่มีอาการตื่นตกใจเลยจนนิดเดียวมันชินสนามเสียแล้วอีกประตูหนึ่งวัวแดงผ่านขาวของปะนาเระก็ถูกจูงเข้ามาสง่าราศีของมันไม่แพ้เจ้าซาเก๊าะเลยเขาจะดีกว่าเสียด้วยซ้ำเราได้ดูดีกันแล้ว
 เปรื่องมีความลังเลใจพอเห็นรูปเจ้าวัวปะนาเระซาเก๊าะที่นักพนันต่อ ๓-๑ บัดนี้ลดลงเหลือ ๒-๑ พอเจ้าซาเก๊าะร้องและตะกุยดินเสียงคนต่อ ๒-๑ ค่อยๆเงียบหายไปและที่เล่นเสมอกันเข้าแล้วก็มีที่ต่อเขาก็มีและที่รองเขาก็มาก
ฉันรำคาญเต็มที่พวกนักพนันขันต่อเหล่านี้ทำให้การชนวัวคู่สำคัญนี้ล่าช้าเสียเวลาเปรื่องวิ่งไปรอบ ๆ สนามพร้อมด้วยเลาะเขาต่อไว้หลายร้อยรายละยี่สิบบ้างห้าสิบบ้างฉันถามเขาว่า
“ ทำไมถึงไปต่อเขาทำไมไม่รอง? 
"เปรื่องหัวเราะด้วยเชิงของนักพนันเต็มตัวเขายิ้มอย่างเย้ย ๆ 
" ก็เราจะไปเล่นตัวรองทำไมเพราะตัวรองมันแพ้” 
เสียงน้องดังกังวานขึ้นเขาจูงชาเก๊าะเดินตัวมเตี้ยมเข้ามาอย่างเชื่องช้าท่าทางของมันไม่น่ากลัวเลยสักนิดเดียวมันน่าจะเป็นวัวแก่ที่เชื่องและใจดีเด็ก ๆ น่าจะเข้าไปเล่นคลุกคลีตีโมงกับมันได้จับเขามันเล่นได้หรือกระโดดขึ้นไปขี่มันเล่นได้เหมือนวัวบนท้องนาหนอกอันสูงของมันกระเพื่อมเมื่อเวลามันก้าวเดินขนของมันดำขลับเป็นมันเหมือนแพรต่วนเจ้าวัวของปะนาเระก็เดินเชื่องช้าเหมือนกันเมื่อพ่อแก่ประน้ำมนต์เสร็จแล้วคนของฮะยีชะใช้ลูกตาลทาหน้าทาปากเสร็จแล้วฮะยีซะเดินเข้าไปลูบคอมันเหมือนกับจะปลอบมันว่า“ ลูกเอ๋ยทำเงินให้พ่ออีกสักครั้งเถอะ” 
ทั้งสองถูกเขาจูงไปจนชิดกันเมื่อฆ้องลั่นอีกครั้งเขาทั้งสองก็เข้าประสานกันกดกันนิ่งนานเท้าทั้งสีของมันยันดินทะมัดทะแมงคอมันแข็งเป็นลำเหมือนพะเนินเหล็กยันกันไว้อย่างน่ากลัวฝ่ายตรงข้ามก็คอยจะ
บิดเขาเพื่อจัดคอเสียคอจะได้ข้าง แต่ทั้งสองข้างก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำแก่กันมันดันกันอยู่อย่างเงียบสำหรับเราคนดูก็คิดว่ามันไม่เป็นงานที่ยากลำบากหรือน่าเหน็ดเหนื่อยเท่าใดนัก แต่มันใช้กำลังกันเต็มที่มันออกแรงจนนัยน์ตาของมันแดงดังสายเลือดมันมองตากันมันมองดูไหวพริบซึ่งกันและกันวัวของปะนาเระเป็นวัวหนุ่มแรงมันมากมันค่อยๆดันซาเก๊าะจนถอยหลังไปเรื่อย ๆ เสียงคนดูร้องลั่นสนามซาเก๊าะไม่มีกำลังเสียแล้วยกหนึ่งผ่านไปยกสองเมื่อเขาปล่อยเขาทั้งคู่มันก็ยังคงต้นกันอยู่เช่นนั้นถ้าเป็นมวยอ๋อ! แน่นอนคนดูก็คงจะขว้างสิ่งต่างๆขึ้นไปบนเวทีแล้วก็ร้องกันเสียงขรม“ มวยล้มมวยล้ม” 
ฉันหันไปข้างหลังชั่วพริบตาเดียวเหลียวกลับมาคนดูก็ยืนพรึบขึ้นพร้อมกันซาเก๊าะปล่อยลูกไม้ของมันแล้วมันแกล้งทำถอยอย่างเร็วพอเจ้าวัวปะนาเระเห็นปรปักษ์หมดกำลังก็เสยพรวดหวังจะเข้าข้างซาเก๊าะหลบนิดเดียวเท่านั้นมันก็หลวมถลำไปข้างหน้าซาเก๊าะได้ท่ามันชนมันขวิดถูกแถวโคนขาบ้างท้องบ้างมันบุกอย่างไม่ยอมหยุดเลยจนวินาทีเดียวแล้วร่างของวัวปะนาเระก็ลอยขึ้นล้มลงไปอย่างไม่เป็นท่าเหมือนเราจับลูกสุนัขโยนไปฉะนั้นพอลุกขึ้นได้วัวปะนาเระก็ถอยหนีไปรอบ ๆ รักแร้ของมันแดงฉานไปด้วยเลือดมันถูกเขาของซาเก๊าะอย่างฉกรรจ์ที่สุดซาเก๊าะไม่มีบาดเจ็บนอกจากเลือดโซมอยู่ตามหน้าผากของมันในที่สุดวัวที่มาจากปะนาเระก็แพ้โดยขาวสะอาดซาเก๊าะส่งเสียงร้องแล้วก็ตะกุยดินอยู่ไปมามันเป็นวัวขึ้นคานเสียแล้วท่านนายอำเภอยะรังเดินมาหาฮะยีซะ
“ ไง! ยีชะ” ท่านเรียก“ รวยละชีวันนี้ว่า แต่งานรัฐธรรมนูญปีนี้เราต้องการวัวดีสักคู่หนึ่งเอาซาเก๊าะนี่แหละหาคู่มาให้ได้	ฮะยีชะรับคำพร้อมทั้งยิ้มแย้มแจ่มใส
“ ได้ซี. ได้ชี” แกตอบ
เราพากันออกมาข้างนอกเปรื่องรวยเกือบสี่ร้อยบาทเขาเป็นนักพนันที่ฉลาดจริงๆคืนวันนั้นเราไปกินข้าวเย็นกันที่ปัตตานีอาหารที่“ โฮเต็ลแพ” ทำให้เราอิ่มหมีพีมันไปตาม ๆ กันโดยเปรื่องจัดการทั้งสิ้นเสร็จจากโฮเต็ลแพเราก็เที่ยวรีวิวสถานที่สนุกอื่น ๆ อีกคืนวันนั้นฉันเลยค้างที่โรงแรมกับเปรื่องเพราะวันรุ่งขึ้นเขาจะมาพักกับฉันที่ยะรังเพื่อเข้าใกล้ชิดซาเก๊าะสำหรับดูลาดเลาการเล่นพนันในงานรัฐธรรมนูญที่จะถึงต่อไปวันเวลาค่อยๆผ่านไปข่าวซาเก๊าะจะชนกับวัวของใครก็มากันหลายกระแสฮะยีซะสั่งพวกพ้องไปหลายตำบลท้าไปหลายจังหวัดโดยจะออกค่าพาหนะให้จนสิ้นเชิงในที่สุดซาเก๊าะก็ได้คู่ต่อสู้ของมันมันชื่อดูเระเป็นวัวของกำนันที่อำเภอบันนังสตาเจ้าดูเระเป็นวัวขึ้นคานอยู่ที่บันนังสตาเหมือนกันข่าวนี้แพร่ไปในเขตอำเภอยะรังโดยเร็วนักพนันขันต่อต่างหมายมั่นปั้นมือที่จะร่ำรวยไปตาม ๆ กัน
เป็นการแปลกประหลาดมากที่ฮะยีซะไม่ได้บำรุงซาเก๊าะเลย แต่ก่อนมันเคยกินดีๆเดี๋ยวนี้ได้กิน แต่หญ้าธรรมดามันเคยนอนมุ่งมันก็ได้รับอย่างมาก แต่เพียงสุมไฟมันเคยถูกจูงเดินทุกเย็นทุกเช้า แต่เดี๋ยวนี้ซาเก๊าะอยู่ แต่ในบ้านวันยังค่ำ
วันหนึ่งเราฉันหมายความถึงฉันก็มถึงฉันกับเปรื่องกำลังนั่งดื่มกาแฟกันอยู่ที่สี่แยกตลอดเวลาเหล่านี้เปรื่องเล่นไฟเรื่อยได้บ้างเสียบ้างวันหนึ่ง ๆ 1 วรรณกรรมยุคปัจจุบันเรื่องสั้นก็พอได้กำไรพอเลี้ยงตัวไปฉันยังไม่ได้ไปทำงานเพราะผู้จ้างเลื่อนกำหนดเวลาไปอีกเปรื่องคิดถึงเรื่องพนั้นของเขาอยู่อย่างเงียบ ๆ เราจิบกาแฟกันเข้าไปสักครึ่งถ้วยเลาะดูมีแอสหายอิสลามของเราก็รีบมาหาเขาร้องสั่งกาแฟแล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆฉัน
“ เราจะได้เงินใช้อีกครั้งหนึ่งล่ะ” เขาว่า
“ อะไร?” เปรื่องนัยน์ตาวาวเขารีบสวนควันขึ้นมาทันที
เลาะเหลียวหน้าเหลียวหลังมองดูผู้คนเห็นปลอดแน่แล้วเขาจึงหันมาทางเราแล้วกระซิบด้วยเสียงค่อยที่สุด
“ ซาเก๊าะจะแพ้รัวบันนังสตา” 
เปรื่องหัวเราะ! ความจริงเลาะยังเด็กมาก
“ เหลวไหล "เขาว่า
“ ไม่เชื่อคอยดูซี” เลาะกระซิบต่อไปอีก“ วัวที่บันนังสตาเป็นวัวของน้องชายเขาเองเป็นวัวดียีซะจะเอาเงินให้มากเขาไม่ได้บำรุงชาเก๊าะเลยและฉันรู้ว่าเขาจะทรมานมันอีกเวลานี้มันได้กิน แต่หญ้าเล็กน้อยนอนตากยุงใกล้ ๆ ชนเขาจะไม่ให้มันกินอะไรเลยแล้วเขาจะเอามันไปแช่น้ำในสระพื้นที่สวนยางปลูกใหม่มันจะไม่แพ้อย่างไรไหว”
" ฮือ!” เปรื่องครางออกมานัยน์ตาของเขาลุกวาว“ งั้นเราก็รวยกันอีกว่า แต่แน่หรือ "
“ แน่ชี” เลาะรับรอง“ คืนพรุ่งนี้ไปดูกับฉันซีนี่ก็อีกสี่วันเท่านั้นก็จะถึงงานรัฐธรรมนูญแล้ว
”ฉันรู้สึกเศร้าและหดหูใจเสียจริงๆซาเก๊าะเอ๋ยนายของเจ้าเขากำลังจะตอบแทนเจ้าแล้วระวังตัวไว้เถอะในเวลาเช้าวันรุ่งขึ้นฉันตื่นก่อนเปรื่องลองเดินเลียบเข้าไปในสวนยางฉันเห็นเจ้าชาเก๊าะนอนหมอบเฉยอยู่มันเหลือบตามองดูฉันนัยน์ตาของมันไม่ใช่ชาเก๊าะวัวดุเสียแล้ว แต่มันกลายเป็นนัยน์ตาของหมาที่ผอมโซและอดอาหารมานานวันปากมันหุบเฉยไม่ได้เคี้ยวเอื้องเหมือนอย่างที่เคยมามันหิวมันซูบลงไปอย่างผิดตาถ้าเลาะพูดจริงคืนนี้มันจะต้องถูกผูกแช่น้ำไว้อีกโอซาเก๊าะที่น่าสงสารฉันจะทำอย่างไรดี? 
คืนวันนั้นเลาะดูมีแอพาฉันกับเปรื่องไปดูซาเก๊าะเราเดินกันไปตามถนนสักครู่ก็เข้าไปภายในสวนยางที่ปลูกใหม่ยางขึ้นสูงเพียงวาเดียวเท่านั้นเราเดินไปตามคันดินสักครู่ก็แลเห็นวัวยืนอยู่ตะคู่ม ๆ ในแอ่งน้ำที่ลึกแค่หัวเข่า
“ นั่นไงซาเก๊าะ” เลาะกระซิบ“ เห็นมั้ย? "เปรื่องหยุดมองดูแล้วนิ่งเงียบ แต่ฉันนึกด่าฮะยีชะอยู่ในใจคนอัปรีย์ใจยักษ์คนที่โหดร้ายแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงที่ชื่อแสนชื่อของตัวเองเราพากันเดินเข้าไปใกล้
ซาเก๊าะยืนนิ่งหางมันโบกไปมาไม่มีหยุดทั้งยุงทั้งเหลือบเข้ากลุ้มรุมเกาะกินเลือดของมันคอมันตกหูมันปัดไปปัดมาฉันเดินเข้าไปใกล้มันความสงสารมันทำให้ฉันบนบานศาลกล่าวขอให้เจ้าฮะจัญไรผู้นี้ตกนรกอย่างไม่ได้ผุดได้เกิดฉันเกิดศรัทธาแก่กล้าที่จะนั่งปัดยุงหรือเหลือบให้มันได้ตลอดคืนฉันจะไปกว้านซื้อไข่ไก่นมสดมาปนข้าวเปลือกให้มันกินให้อิ่มและบันดาลให้มันชนะปรปักษ์ให้เจ้าฮะยีบ้าผู้นี้เสียจนสิ้นเนื้อประดาตัว แต่จะทำอย่างไรเล่าท้าอย่างไร?
 ฉันเวียนไปดูมันทุกๆคืนคืนที่สองมันยิ่งโซเซหนักขึ้นคืนที่สามทรุดลงไปอีกมันก้าวก้าวเดียวก็เกือบจะล้มลงถ้ามันจะนอนสักตื่นมันก็จะต้องนอนแช่น้ำมันยืนหลับก็หลับไม่ได้เพราะชิ้นยุงกัดมันคืนที่สี่มันเกือบเดินไม่ได้เลยในที่สุดงานรัฐธรรมนูญก็มาถึงมันจะต้องเข้าชนในกลางวันมันต้องตายแน่ ๆ มันคงถูกฝ่ายตรงข้ามแทงตายมันจะเอากำลังที่ไหนไปสู้เขาได้มันจะต้องไปอยู่กับพระอัลเลาะห์อย่างไม่ต้องสงสัยรวมเวลาที่มันไม่ได้นอนไม่ได้กินถึงหกวันเต็ม ๆ
 เปรื่องเต็มไปด้วยความหวังเขาบ่นอยู่เสมอว่าเขากลับกรุงเทพฯได้ล่ะคราวนี้ซาเก๊าะจะต้องช่วยเขาเป็นครั้งสุดท้ายพวกนักเลงพนันหน้าตาชื่นบานกันทุกคนพบกันก็พยักหน้าที่ไม่รู้ก็ยังเชื่อมั่นซาเก๊าะเชื่อความสามารถของมันเชื่อเขาเชื่อคอเชื่อขาทั้งสี่ข้างของมันฮะยีซะก็อิ่มเอมเปรมใจเขาจะเดินไปที่ซาเก๊าะแล้วลูบหัวมันอย่างกรุณาปรานี
“ ทนหน่อยนะลูกนะชนแล้วพ่อจะให้กินให้อิมที่เดียว”
 ในที่สุดวันของชาเก๊าะก็มาถึง
วันนั้นเขาให้มันกินบ้างเล็กน้อยซาเก๊าะผอมจนผิดรูปผิดร่างฮะยีชะพูดเปรยๆว่าเขาให้มันเดินมากเกินไปแม้มันจะอดข้าวมาหกวันและไม่ได้นอนมาหกคืนความสง่าแห่งวัวขึ้นคานของมันก็มิได้ลดน้อยถอยลงไปเลยมันเดินช้าๆมันร้องเสียงแหบ ๆ ไปหน่อยมันตะกุยดินสองสามครั้งศีรษะมันก็ตกลงไปตามเดิมผิดกับเจ้าดูเระของอำเภอบันนังสตามันเดิน
หนอกกระเพื่อมเข้ามาเหมือนราชสีห์มันเริงร้องมันตะกุยดินด้วยความคึกปลอกทองเหลืองที่ครอบเขามันทั้งคู่เขาขัดมันเสียจนเป็นเงางามไปหาที่ตั้งหลักใหม่เพื่อสู้กับปรปักษ์ของมันให้ถึงที่สุดให้จงได้วรรณกรรมยุคปัจจุบันเรื่องสั้น
ฮะยีชะส่งสมุนของเขาออกเที่ยวเล่นวัวดูเระไว้ทั้งหมดถึงหกพันบาทตัวเขาเองไม่ยอมเล่นซาเก๊าะเขาว่าไม่ค่อยเชื่อใจเพราะไม่ค่อยสบายชาวยะรังส่วนมากรักมันไม่ว่าหญิงชายไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่เขาเล่นซาเก๊าะทั้งสิ้นที่รู้ก็เล่นทางฝ่ายวัวบันนังสตาวัวคู่อื่น ๆ ที่ชนกันในวันนั้นฉันจะไม่กล่าวถึงมันน่าดูบ้างและวิ่งไปรอบ ๆ สนามบ้างฉันไม่เอาใจใส่ฉันเอาใจใส่ แต่ชาเก๊าะเจ้าวัวที่น่าสงสารเท่านั้นชาเก๊าะเดินตามเขาไปอย่างเชื่อง ๆ ขณะเมื่อเขาจะปล่อยมันเข้าไปยังคู่ต่อสู้ที่สดชื่นกระปรี้กระเปร่าและได้กินบริบูรณ์คนดูลุกขึ้นยืนกันหมดทั้งสนามพอฆ้องสัญญาณดังขึ้น
ซาเก๊าะก็โผนเข้าใส่ แต่พอเขากับเขาทั้งสองคู่ประกันซาเก๊าะก็เซไปเหมือนถูกผลักเจ้าดูเระได้ข้างทันทีมันขวิดมันจ้วงแทงจนชาเก๊าะล้ม แต่ซาเก๊าะก็ชาตินักสู้มันทนความเจ็บปวดแข็งใจออกวิ่งหนีไปข้างหน้าพอไกลคู่ต่อสู้มันก็ตั้งหลังใหม่เจ้าตูเระวิ่งเข้าไปพอเขาประสานกันซาเก๊าะก็ล้มอีกก้นมันกระแทกลงดังสนั่นทันทีนั้นเขาของดูเระก็จมลงไปที่สีข้างของมันจนมิดฉันต้องหันหน้าไปเสียทางหนึ่ง
เมื่อฉันหันกลับไปอีกฉันเห็นแผลของชาเก๊าะถนัดมันเป็นรูโตเลือดไหลปรี่ออกมาหยดลงตามขาหน้าทำไมหนอจึงไม่มีอำนาจอะไรลงโทษเจ้ามนุษย์ป่าเถื่อนที่ลงโทษสัตว์ด้วยการทรมานอย่างทารุณถึงเพียงนี้ซาเก๊าะวิ่งออกไปอีกมันไม่ยอมแพ้หรอกมันไม่เคยแพ้ แต่มันต้องวิ่งวิ่งเพื่อ ไปหาที่ตั้งหลักใหม่เพื่อสู้กับปรปักษ์ของมันให้ถึงที่สุดให้จงได้
คนดูวิ่งวุ่นไปรอบ ๆ สนามที่เล่นซาเก๊าะไว้ก็คิดออกตัวหันไปเล่นดูเระด้วยความหวังเป็นอย่างยิ่งว่าชาเก๊าะจะต้อง“ ล่อง” ในคราวนี้อย่างไม่มีปัญหาฉันเหลียวไปดูฮะยีซะเห็นเขายืนนิ่งแกล้งทำเป็นหัวเสียแล้วก็ทำเศร้าโศกประหนึ่งว่าเขาเสียใจอย่างลึกซึ้งในการแพ้ของซาเก๊าะครั้งนี้
เมื่อชาเก๊าะวิ่งไปมันวิ่งอย่างกะโผลกกะเผลกเต็มที่เสียงคนดูร้องว่าขาหน้าข้างขวามันเสียเสียแล้วเพราะแผลที่เจ้าดูเระแทงไว้จนมิดเขาพอมันตั้งหลักได้ครั้งนี้เราเห็นมันสะบัดศีรษะไปมาเหมือนกับจะสลัดความเจ็บปวดและมึนงงให้พ้นไปพอประเขาคอมันก็พับอีกชวนจะล้มมันร้องออกมานัยน์ตามันแดงราวกับดวงไฟมันโกรธเต็มที่มันหิวมันอดนอนมันถูกเจ็บแล้วมันก็บ้าเลือด! ซาเก๊าะมองอะไรไม่เห็นเสียแล้วมันถูกกระแทกเขาอย่างหนักทำให้กระเทือนเส้นประสาทนัยน์ตาของมัน
เมื่อมันล้มดูเระก็แทงไม่เลือกที่มันเจ็บปวดจนต้องกระโจนขึ้นสุดตัวมันเอาเขารับดูเระไว้มันบ้าเลือดแล้วมันสู้ด้วยความบ้าความหิวมันสู้โดยที่ไม่เคยแพ้ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงมันมาจากไหนนัยน์ตามันมืดมันกระทบอะไรมันขวิดที่นั่นมันดันเจ้าดูเระไปจนเกือบจะชนรั้วกระแทกอีกครั้งเดียวดูเระก้าวพลาดเสียคอและให้ข้างมันเลยเข้าไปเต็มเหนี่ยวร่างใหญ่หะมีนของดูเระพลิกมันซ้ำอีกซ้ำซ้ำซ้ำจนดูเระร้องออกไปด้วยความตกใจแล้วมันก็หนีหนีโดยไม่หันเข้าสู้ซาเก๊าะเจ้าวัวแก่ตามิดอีกเลย
อะซะหน้าซีดขาวดีจริงๆฉันคิดเสาะบอกฉันว่าฮะยีซะขายสวนยางของเขามาเล่นวัวชนคราวนี้เปรื่องคอตกยกมือขึ้นเสยผมเลาะทรุดนั่งลงด้วยความเสียใจเปรื่องถึงแก่หมดตัวเขามีเงินอยู่ในกระเป๋าไม่ถึงสิบบาท
สักครู่ฮะยีชะเป็นลม แต่ฉันรวยสี่ร้อยฉันมีเงินอยู่เท่านั้นเขาต่อดูเระ ๑๐ เอา ๑ ฉันรองไว้สี่สิบบาทซาเก๊าะเอ๊ย! เจ้ามองอะไรไม่เห็นแล้ว
หลายคนจะเข้าไปจับมันมันไม่ให้จับทั้งสิ้นมันคิดว่าปรปักษ์จะเข้าไปทำร้ายมันแม้ฮะยีซะเองเข้าไปมันก็ไม่ยอมให้จับมันขวิดดะไม่เลือกหน้าจนมันเหนื่อยอ่อนเลือดบ้าของมันค่อยเย็นลง ๆ มันคุกขาหน้าทั้งสองลงนอนหมอบเลือดออกจากแผลมันมากแผลของมันมีอยู่ทั่วตัวสักครู่ซาเก๊าะก็พลิกตัวลงนอนเหมือนแมวที่นอนตากแดดมันตายเสียแล้วมันได้ทำงานให้แก่นายของมันแล้วมันได้บำเพ็ญกรณียกิจตามหน้าที่ของมันแล้วตามประสาสัตว์ที่ซื้อตรงจงรักต่อนายของมัน
ฉันเดินเข้าไปดูศพของมันพร้อมกับเลาะและเปรื่องเขาทั้งสองต่างมีความคิดไปคนละอย่างเลาะคิดถึงเงินที่หลุดลอยไปจากมือของเขาเปรื่องกำลังคิดว่าเขาจะไม่เล่นวัวชนอีกต่อไปสำหรับฉันฉันภูมิใจว่าฉันได้ช่วยมันตามประสายากคือฉันได้หิวถังข้าวเปลือกซึ่งปด้วยไข่ไก่ยี่สิบฟองแอบเอาไปให้มันกินทุกคืน
ฉันส่งเปรื่องขึ้นรถกลับกรุงเทพฯด้วยเงินจำนวนหนึ่งสำหรับฉันจะได้เข้าไปในป่าเพื่อทำการโบริ่งแร่ต่อไป

เสียงบรรยาย https://drive.google.com/file/d/18KmsEFG6QM49t__2T8NPU2WaZk_HXb3L/view?usp=sharing

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น